Title: Blood, sweat and tears
Paring: Mark x Bambam
Tag :: #ฟิคบทฟ8
Note:
– เคยแต่งฟิคเรื่องนี้ร่วมให้ โปรเจกต์ MarkBam โปรเจกต์หนึ่งค่ะ วันนี้คิดว่าถึงเวลาอันสมควรในการนำมาลงให้ทุกท่านได้อ่านกัน ถถถถ
-ขอให้สนุกกับโรงเรียนเวทมนต์แห่งนี้นะคะ =]
Blood, sweat and tears
Blood
Sweat
Tears
۞
“…อื้ออ” ยามที่ทุกอย่างรอบข้างสั่นคลอนแม้แต่เตียงที่นอนก็ยังสั่น แขนเรียวยืดบิดจนสุด ลืมตาตื่นแล้วดันตัวลุกขึ้นจากเตียงที่กำลังลอยแกว่งอยู่บนอากาศ
“ปลุกกันดีๆบ้างได้ไหมอ่ามามี๊” บ่นไปทั้งที่ยังหาวอยู่ เสียงหัวเราะอย่างเอ็นดูดังมาจากผู้เป็นแม่ก่อนที่เตียงจะลงกลับไปสู่พื้นตามเดิม
“ก็ลูกขี้เซานี่จ๊ะ ไปโรงเรียนได้แล้ว ยองแจมารอที่หน้าบ้านนานแล้ว” พอได้ยินชื่อเพื่อนรักอย่างยองแจ ก็พาลให้นึกถึงคำเมื่อวานที่ยองแจย้ำไว้ว่า วันนี้ห้ามสายเด็ดขาด เพราะมีเรียนวิชาปรุงยากับศาสตราจารย์จูเนียร์
แค่นึกถึงชื่อวิชาของแม่มดพันปี แบมแบมก็เบิกตากว้างกุลีกุจอไปคว้าไม้กายสิทธ์โบกโยกให้ของจำเป็นเข้ากระเป๋าส่วนตัวเองก็รีบวิ่งไปอาบน้ำทันที ได้ยินเสียงมารดาตนเองบอกลางๆว่า เขาต้องอยู่คนเดียวในวันเกิดอีกครั้ง แต่แบมแบมชินแล้ว และไม่ได้มีเวลาสนใจอะไรนอกจากไปเรียนให้ทัน
ไม่มีใครอยากลองดีที่จะเข้าสายให้แม่มดพันปีผู้โคตรโหดโกรธหรอก
“ทันไหมเนี่ย” แบมแบมพึมพำ หลังจากวิ่งกระหืดกระหอบกับยองแจเข้ามาในห้องโถงกว้างบรรยากาศเหมือนคุกใต้ดิน ที่ขวดแก้วหลากสีนับร้อยวางเรียงอยู่บนโต๊ะและเต็มเอี๊ยดในตู้สูง เพื่อนร่วมชั้นเรียนอีกราวสี่สิบคนนั่งบนโต๊ะสูงเต็มพื้นที่
แบมแบมกับยองแจรีบไปนั่งตรงมุมหลืบหลังห้องเพื่อไม่ให้ศาสตราจารย์จูเนียร์ที่ยืนหลังตรงเชิดหน้าเป็นนางพญาฆ่าพวกเขาได้โหดยิ่งกว่าคาถาไหน ๆ ด้วยการให้ออกไปปรุงยาสูตรแสนยากโชว์คนทั้งห้อง
ณ อาณาจักร เดอะ เซเว่น ทุกคนต่างมีเวทมนต์ ทั้งชายหญิงต่างสามารถดึงพลังจากธรรมชาติมาใช้เป็นพลังเวทมนต์ได้โดยทั้งสิ้น แต่จะใช้ได้มากน้อยก็แล้วแต่พลังที่มีติดตัวมาและการร่ำเรียนฝึกฝน
สำหรับแบมแบมเขาเป็นผู้ใช้เวทมนต์ระดับกลางๆ ไม่มีความโดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ ความฉลาดก็พอประมาณ ไหวพริบก็พอสมควร เป็นแค่หนึ่งในพ่อมดที่พ่อไม่ฝากความหวังอะไรไว้มากกว่าการดูแลสวนสมุนไพรวิเศษณ์ที่ใคร ๆ ก็มาซื้อไปปรุงยา
นี่เป็นเทอมแรกที่แบมแบมได้เข้าเรียนที่สถาบันเวทมนต์ ‘The M Master’ แห่งนี้ ก่อนหน้านี้แบมแบมเคยเรียนที่โรงเรียนเวทมนต์ไม่มีชื่อเสียงแถวบ้าน
ใครต่างก็รู้ดี ว่าสถาบันเวทมนต์ ‘The M Master’ เป็นสถาบันเวทมนต์ที่ดีที่สุดในโลก แถมยังรับนักเรียนเวทมนต์ต่อปีน้อยนิด ไม่มีใครคิดว่าเขาจะมาเรียนที่นี่ได้แต่แบมแบมก็สู้อุตส่าห์พยายามจนได้เข้าเรียนที่นี่ ความจริงแล้วที่อยากมาเรียนที่นี่ไม่ใช่หวังผลเรื่องความเก่งกาจ หรือการการันตีว่าจะได้ทำงานในราชวังดีๆอะไรกับเขาทั้งนั้นล่ะ
เหตุผลของแบมแบมมันง่ายแสนง่าย
“ดูสิ ยองแจวันนี้เราได้เรียนตำราของมาสเตอร์เอ็มด้วยนะ” แบมแบมเก็บความยินดีไว้ไม่อยู่จนต้องหวีดร้องออกมาดังๆ ยองแจกลอกตาทำหน้าหน่ายใส่เพื่อนสนิทที่ดูจะมีความสุขง่ายเหลือเกินกับอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับ มาสเตอร์เอ็มผู้ก่อตั้ง สถาบันเวทมนต์ ‘The M Master’
“มาสเตอร์เอ็มที่อยู่บนสวรรค์คงดีใจแย่แล้วล่ะ ที่เกิดมาสามร้อยปีก็ยังมีเด็กหนุ่มมาตามกรี๊ดเป็นไอดอล” ยองแจจิกเพื่อนด้วยเสียงเบาเพราะกลัวแม่มดพันปีจะได้ยิน แบมแบมไม่สนใจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยกตำราปรุงยาฝุ่นหนาขึ้นมากอดจนแน่น
แบมแบมตกหลุมรักคนหนึ่งคนผ่านตัวอักษร ผ่านความคิดและมุมมอง ตกหลุมรักแม้จะไม่เคยเห็นหน้าตาหรือรู้จักชื่อเสียงเรียงนามจริงๆ
มันเริ่มจากเขาในวัยเด็กไปเล่นซนในห้องเก็บตำราของพ่อเพื่อหาตำรากล่อมแมนเดรกที่ตัวเองไปเผลอปลุกจนร้องระงมลั่นสวน แบมแบมแค่ห้าขวบทำตำราเวทมนต์เล่มโตหล่นใส่หัวตัวเอง หลังจากน้ำตาซึมลูบหัวตัวเองป้อยๆ ก็ได้เจอนิทานเล่มเล็กที่สอดไว้ในตำราเวทมนต์ตกอยู่
‘นิทานผีเสื้อจันทรา โดย มาสเตอร์เอ็ม’ แบมแบมได้อ่านลายมือสวยๆที่เขียนเรียงกันอย่างดี แล้วก็ตกหลุมรักนิทานเรื่องนั้น ตกหลุมรักมากพอจะตามหาหนังสือเล่มอื่นที่มาสเตอร์เอ็มเขียนเพื่อมาอ่านเพิ่ม แต่ก็ไม่อาจหาเจอได้แม้แต่เล่มเดียว
จนวันนึงได้รู้ว่า มาสเตอร์เอ็มที่เขาชอบอ่านหนังสือ ก็คือ มาสเตอร์เอ็มผู้ก่อตั้ง สถาบันเวทมนต์ ‘The M Master’ สถาบันที่เข้ายากเป็นบ้าและดีที่สุดในอาณาจักรเดอะ เซเว่น หนังสือของมาสเตอร์เอ็มเป็นหนังสือเก่าแก่
ซึ่งเกี่ยวกับตำราเวทมนต์ การปรุงยา ดูแลสัตว์วิเศษณ์ ทุกอย่างที่ระบุว่าเขียนโดยมาสเตอร์เอ็ม มีแค่นักเรียนเวทมนต์ใน สถาบันเวทมนต์ ‘The M Master’ เท่านั้นที่จะได้สัมผัส
แบมแบมยิ่งหลงรักในความเก่งของมาสเตอร์เอ็มเข้าไปอีกอย่าง
แม้ว่าจะถอดใจที่จะเข้าเรียนที่นี่เพราะยากนักไปหลายครั้ง แต่อย่างว่าพลังแห่งการตามผู้ชายเปี่ยมล้นเสมอ สุดท้ายแบมแบมก็เข้ามาเรียนที่นี่ได้ แม้จะจับฉลากเข้ามาก็ตามที ต้องขอบคุณวันนั้นที่ดวงดี สถาบันจะมีการจับฉลากแค่สามปีต่อหนึ่งคน และในรอบสามปีนี้แบมแบมคือคนนั้น
“คุณนักเวทย์ชั้นสอง..”
“คุณแบมแบม”
“คุณนักเวทย์ชั้นสองแบมแบม เสียงของผมไม่น่าฟังหรือยังไงคุณถึงไม่ขานตอบ!” แบมแบมสะดุ้งเฮือกเงยหน้าขึ้นมามองสองตาโตที่กรีดเส้นขอบดำแน่นจนคมเฉี่ยวของแม่มดพันปีที่จ้องมา ฝันร้ายยิ่งกว่านั้น คือแบมแบมกำลังจูบปกหนังสือปรุงยาตรงชื่อของมาสเตอร์เอ็มเต็มริมฝีปากเอิบอิ่ม
ความอายคนทั้งห้องที่จ้องมาไม่เท่ากับการที่ศาสตราจารย์จูเนียร์ถลึงตาใส่
“หลังเลิกเรียนอยู่พบผมด้วย นักเวทย์ชั้นสองแบมแบม”
ความบรรลัยมาเยือนเห็นๆ
۞
“ดีนะศาสตราจารย์ไม่สั่งให้ไปจับมังกร” แบมแบมพึมพำมือก็เช็ดถ้วยแก้วใบที่ร้อยอย่างเบามือ แม่มดพันปีอย่างศาสตราจารย์จูเนียร์สั่งให้เขาทำความสะอาดเครื่องแก้วทุกใบแม้จะใส่ยาพิษไว้ให้สะอาดด้วยมือตัวเอง ทั้งที่ศาสตราจารย์โบกไม้กายสิทธิ์ครั้งเดียวก็ทำความสะอาดได้หมดแล้วแต่ก็ไม่ยอมทำ
รังแกเด็ก
“แต่อย่างน้อยก็มีเรื่องดีๆล่ะนะ” ตาโตเป็นประกายจ้องรูปวาดที่เป็นเงาแผ่นหลังของมาสเตอร์เอ็มซึ่งประดับบนกำแพงเก็บอุปกรณ์ปรุงยาสำคัญที่ไม่ได้เข้ามากันง่ายๆ ถ้ายองแจไม่หนีกลับไปแล้วคงกลอกตากับความรักที่เอ่อล้นแค่ตัวอักษรของแบมแบมแล้วบ่นกันอย่างเคยแน่
แบมแบมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มือก็เช็ดแก้วไปทั้งที่ตาจ้องมองชื่อมาสเตอร์เอ็ม
เสียดายเกิดช้าไปสามร้อยปี ไม่งั้นก็คงได้เจอมาสเตอร์เอ็มตัวเป็นๆ
มีเสียงเล่าลือว่ามาสเตอร์เอ็มหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากตั้งสถาบันได้เพียงห้าสิบปี ทุกคนบอกว่าเพราะทดลองปรุงยาสูตรใหม่เพื่อความเยาว์วัยผิดพลาดมาสเตอร์ก็เลยทำให้ตัวเองตาย จากนั้นสถาบันก็ถูกดูแลสืบต่อมาจากลูกศิษย์เอกทั้งสองคนของมาสเตอร์เอ็มซึ่งก็คือ ศาสตราจารย์เจบี ซึ่งดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่และศาสตราจารย์จูเนียร์ อาจารย์อาวุโส
ทั้งคู่เป็นผีดิบ ใครก็ว่าอย่างนั้น เพราะศาสตราจารย์อยู่มานับร้อย ๆ ปี หน้าตาก็ยังเต่งตึงเหมือนเด็กต้นยี่สิบทั้งคู่ แต่ศาสตราจารย์เจบีผู้สอนวิชาเวทย์ป้องกันนั้นใจดี ส่วนศาสตราจารย์จูเนียร์โคตรดุ สุดเป๊ะ จึงกลายเป็นแม่มดพันปีผู้โหดโคตรอยู่คนเดียว
“อ๊ะ”
เพล้ง!
แบมแบมสะดุ้งโหยงเมื่อทำขวดแก้วสีเขียวเรืองแสงในมือหล่นลงจากโต๊ะ รีบก้มลงเก็บจนเศษแก้วบาดมือ เลือดแดงข้นไหลทะลักหลอมรวมไปกับของเหลวเรืองแสงจนกลิ่นเลือดคลุ้งหนักกว่าเดิม
“ทำอะไรน่ะ” ศาสตราจารย์จูเนียร์วิ่งตรงมาด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงและเสื้อผ้าเปิดจนเห็นเอวบางๆ ข้างหลังมีศาสตราจารย์เจบีเดินตามมาดูนักเรียนผู้ถูกทำโทษด้วย
“ตายแล้ว ดีนะไม่ใช่ยาพิษ นักเวทย์ชั้นสองแบมแบม นายนี่นะ” ต่อให้บ่นศาสตราจารย์จูเนียร์ก็ตรงเข้ามาดู ขยับไม้กายสิทธิ์จะร่ายเวทย์รักษา
“เดี๋ยวจูเนียร์..” เป็นเจบีที่จับมือของแบมแบมไว้ ยกขึ้นมาแล้วสูดกลิ่นเต็มที่ ดวงตาดำสนิทกลายเป็นสีเงิน
“นี่เป็นเลือดที่ดี นายเกิดในคืนพระจันทร์เต็มดวงใช่ไหม อื้ม เป็นวันที่ดาวทั้งเจ็ดของอาณาจักรเดอะ เซเว่นเรียงตัวกันครั้งเดียวในรอบสามร้อยปี” น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าขนลุกทำเอาแบมแบมขนลุกเกรียว เลือดเขามันบอกอะไรได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
“จริงเหรอ พี่เจบี” ช็อคกว่าเรื่องเลือดคือเขาได้เห็นศาสตราจูเนียร์แม่มดพันปี ทำตาวาวยิ้มร่าใส่ศาสตราจารย์เจบีนี่แหละ โคตรอันซีน
“นักเวทย์ชั้นสอง ..แสดงว่านายยังอายุไม่ครบยี่สิบใช่ไหม”
” ครับ แต่จริง ๆวันนี้เที่ยงคืนผมก็ยี่สิบแล้ว” แบมแบมตอบกลับไป ศาสตราจารย์หน้าเด็กทั้งสองมองหน้ากัน
“คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง” เสียงหวานพึมพำ นิ้วเรียวสวยของศาสตราจารย์จูเนียร์แตะเลือดแบมแบมเข้าปาก
“เลือดดีมากจริง ๆ บริสุทธิ์มาก” น้ำเสียงดีใจทำไมมันน่าขนลุกแบบนี้
“ฉันมีของขวัญวันเกิดให้นาย แบมแบม ดูแลให้ดีที่สุดไม่อย่างนั้นฉันจะให้ตกวิชาปรุงยากับวิชาเวทย์ป้องกัน”
۞
เขาต้องขอบคุณพ่อกับแม่สำหรับความโชคดีที่ทำให้เลือดเขาดีแบบนี้
แบมแบมคิดยามที่จ้องมองกล่องกำมะหยี่สีแดงซึ่งสลักตัวอักษรไว้ด้วยไหมสีทองว่า ‘Blood, Sweat and tears’ แปลความตามสำนวนได้ว่า พยายามหนักหนาจนเลือดตาแทบกระเด็น บางทีศาสตราจารย์ทั้งสองของสถาบันเวทมนต์ ‘The M Master’ คงอยากให้เขาขยันเรียนมากขึ้น ถึงได้มอบของขวัญชิ้นนี้ให้
วางกล่องลงบนเตียง มือเล็กเปิดกล่องออกมา สิ่งที่อยู่ในนั้นคือตุ๊กตาขนาดประมาณฝ่ามือ เป็นตุ๊กตาที่มีแขนขาเหมือนคนทุกอย่าง แถมดวงตาก็เป็นประกายวิบวับน่ามอง ปากหยักเป็นกระจับของตุ๊กตาก็ดูคล้ายคนจริงๆ
ปกติแล้วแบมแบมจะกลัวตุ๊กตาทุกชนิดที่คล้ายคน แต่กลับไม่กลัวเจ้าตัวนี้ มือเล็กจับตุ๊กตาในชุดพ่อมดชั้นสูงสีแดงเลือดนกนั่งห้อยขาไว้ข้างหน้าต่าง
แม่มดพันปีจูเนียร์ย้ำชัดว่าให้วางไว้ตรงที่ที่รับแสงจันทร์คืนนี้ได้ดี และให้ดูแลให้ดีที่สุด
“เป็นตุ๊กตาที่หล่อจังเลยนะ” พึมพำกับตัวเอง ยามที่จ้องมองตุ๊กตาตัวเท่าฝ่ามือ
เขาควรตั้งชื่อตุ๊กตาไหมนะ อา งั้นก็ความหลงใหลเดียวของเขา
“ยินดีต้อนรับนะครับมาสเตอร์เอ็ม ผมชื่อแบมแบมนะ ต่อไปเราต้องอยู่ด้วยกันแล้วล่ะ” ยิ้มหวานจนตาหยีแม้ผู้ที่มองจะเป็นเพียงตุ๊กตาก็ตาม
แบมแบมเลือกฉลองวันเกิดของตัวเองด้วยการนอนหลับวันนี้เขารู้สึกเพลียจนล้มตัวลงนอนตั้งแต่สองทุ่มและภายใต้เปลือกตาสีอ่อนตากลมใสกรอกกลิ้งอย่างแรงกับความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
ร้อนและหนัก
“อื้ออออ” ปากอิ่มพึมพำเสียงครางยาว ความร้อนและเปียกชื้นที่สัมผัสเหมือนจะลุกลามไปทั่วตัว มันหนักและอึดอัดมากเสียจนแบมแบมต้องขมวดคิ้วแน่น
อุ่น ร้อน ชื้น หนัก และเย็น ความเย็นสัมผัสผิวหน้าอกและต้นขาราวกับว่าก่อนนอนแบมแบมลืมแต่งตัวใส่ชุดนอนอย่างนั้น หลับตาปี๋ขมวดคิ้วจนแน่น
“อะ อื้ออ” แอ่นแผ่นอกบางขึ้นสูงตามความรู้สึกร้อนชื้นที่สัมผัสผิว ลมหายใจเต้นถี่ขึ้นหนักหน่วง
“อ๊ะ” กัด แบมแบมรู้สึกว่าเขาถูกกัดตรงต้นขา สมจริงเสียจนต้องลืมตาขึ้นมาในที่สุด
เขากำลังฝันร้าย ใช่ฝันร้ายแน่ๆ
ผู้ชายตัวโต ตาโตคมสีแดงก่ำดังเช่นสีผม ผิวขาว สันกรามชัดจมูกโด่งกำลังคร่อมอยู่บนตัวเขาตอนนี้
มันเป็นเพียงความฝัน ฝันแน่ๆ
“คุณเป็น… อื้ออ” คำถามไม่ได้อาจจบประโยคเมื่อริมฝีปากถูกรุกรานจากคนบนตัว ไม่นะต่อให้เป็นแค่ฝันแบมแบมก็รู้สึกว่ากำลังถูกขโมยจูบแรกไป โจรผมแดงในฝันตวัดลิ้นร้อนไปในโพลงปากของแบมแบมอย่างเชี่ยวชาญจนในที่สุดร่างเล็กก็อ่อนระทวยกับรสจูบนั้น
เป็นจูบที่ดีมาก มากจนหัวใจของแบมแบมกำลังทะลุจากอก
เป็นฝันที่เหมือนจริงเกินไปแล้ว
สมองของคนตัวเล็กวิ่งตื้อจัดลำดับไม่ถูกยามที่ถูกถอนจูบออก แบมแบมหายใจหอบหนัก ตาโตฉ่ำเยิ้มในรสจูบ จ้องมองใบหน้าหล่อคมที่แน่ใจว่าไม่เคยเห็นแต่คุ้นตานักซึ่งกำลังจ้องมองตัวเอง ความหนาวที่สัมผัสผิวเริ่มทำให้แน่ใจว่ายามนี้แบมแบมก็กำลังเปลือยดังผู้ชายตัวโตบนร่าง
“เจ้าอร่อยมากเลยนะเด็กน้อย”น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ฟังลื่นหูกว่าเสียงไหนๆ ที่แบมแบมเคยได้ยินกระซิบบอก ใจดวงน้อยกระตุกถี่ยามที่ใบหน้าหล่อยิ้มจนเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ
เขาควรจะกลัวไม่ใช่หรือ แต่ช่างมันเถอะก็แค่ฝันเอง
“ขอข้าชิมเจ้าต่อนะ” เสียงทุ้มพร่ากระซิบบอกพร้อมริมฝีปากหยักที่กดจูบลงข้างผิวแก้ม มือใหญ่หยาบกร้านลูบไล้ผิวต้นขา กอบกุมแก่นกายเล็กๆจนแบมแบมบิดร่างอย่างตื่นผวา
พออายุครบยี่สิบแบมแบมก็ฝันลามกแบบนี้เลยเหรอ ตอนตื่นเขาจะไม่เล่าให้ใครฟังเด็ดขาด อายตายเลย
“อ๊ะ” หวีดเสียงร้อง สองมือจิกกำผ้าปูเตียงจนแน่นยามที่ถูกลิ้นร้อนสัมผัสผิวอก
“เจ้ามีนามว่าอย่างไร บอกข้าได้หรือไม่ เด็กน้อย”
“แบม อื้อ แบมแบม”
“อื้ม แบม” น้ำเสียงกระหายทวนชื่อซ้ำแล้วฟอนเฟ้นมือไปทั่วผิวนิ่ม สองต้นขาถูกเหนี่ยวรั้งออกจนกว้างและถูกแทรกด้วยคนตัวโต
ฝันของเขา เขาก็จะทำอะไรก็ได้ใช่ไหมล่ะ คิดแบบนั้นแบมแบมก็ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร่างกายต้องการ สองขาเรียวตวัดเกี่ยวเอวสอบอย่างเผลอไผล คนตัวโตยิ้มพอใจ นิ้วใหญ่เกลี่ยริมฝีปากเอิบอิ่มอย่างช้าๆ แต่ทำให้หัวใจเต้นหนักรัว
“ข้าคือมาร์ค” น้ำเสียงย้ำลึกลงในใจ ปลายลิ้นร้อนตวัดเล็มใบหูบาง แบมแบมประมวลผลความรู้ลงสู่สมองที่ยามนี้วุ่นวายจนทำงานไม่ได้เต็มที่และถูกแย่งชิงการคิดด้วยความรู้สึกเจ็บวาบที่พุ่งขึ้นในร่าง
“..” กัดปากตัวเองจนแน่น ยามที่รู้สึกถึงนิ้วยาวที่ล่วงเข้ามาในกาย น้ำตาใสคลอดวงตายามที่สองนิ้วยาวกดย้ำเข้ามาเสียจนทั้งร่างสั่นระทวย
“อ๊ะ” สองมือผวาจิกไหล่กว้างระบายความเจ็บยามที่นิ้วเพิ่มจำนวนเป็นสามนิ้ว
“ชู่ว ใจเย็นแบมแบม มีอะไรที่หนักหนากว่านี้” เป็นเสียงปลอบขวัญที่ดูไม่ช่วยอะไร แต่ร่างเล็กกลับใจเย็นลงได้ ตาโตฉ่ำวาวจ้องมองหน้าของมาร์คซึ่งกำลังจ้องมองมาเช่นกัน ดวงตาสีแดงฉานให้ความรู้สึกใจดีมากขนาดนี้ได้อย่างไร
“ข้าจะขอของจากเจ้าสี่อย่าง ให้ข้าได้หรือไม่” เจ้าของดวงตาสีแดงถามแบบนั้น ยามที่มือหนารูดรั้งแก่นอารมณ์และกดย้ำนิ้วยาวเข้ามาในร่างเสียจนคนตัวเล็กหลับตาครางเสียงหวาน ความคิดตีกันยุ่งวุ่นวาย
เป็นการขอที่ไม่ต่างจากการมัดมือชก
“ให้ข้าได้หรือไม่”
“อื้อ” แบมแบมพยักหน้าเร็วๆจนผมสีน้ำตาลอ่อนสะบัดปลิวอยู่บนหมอน นั่นคือคำตกลงโดยยินยอม
“ข้าขอ…” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยทิ้งไว้ นิ้วยาวถูกดึงออกจากร่างจนรู้สึกโล่งขึ้น แบมแบมช้อนตาโตจ้องมองใบหน้าของมาร์ค ถูกดูดกลืนลุ่มลึกลงไปในแววตาเป็นประกายคู่นั้น
“….” ความเจ็บจี๊ดแล่นเข้ามาในร่าง สองมือเล็กกำบ่ากว้างที่จับอยู่จนแน่น เจ็บหน่วงหนักยิ่งกว่านิ้วทั้งสามที่พึ่งออกไปจากกาย เมื่อสัมผัสถึงความร้อนที่ลื่นและแข็งราวกับแท่งหินกำลังสอดแทรกเข้ามาในร่าง ความรู้สึกเจ็บแน่นจุกไปทั้งท้องน้อยยามที่ถูกดันเข้ามาลึกขึ้น ลึกขึ้น อื้อ มันยังลึกได้อีกเหรอ
ริมฝีปากอิ่มตึงถูกรุกรานด้วยรสจูบเร่าร้อนที่ไล่ต้อนบดขยี้อย่างรุนแรงจนมึนงงฟันคมขบเบาๆลงบนริมฝีปากล่างอวบอิ่มจนได้รสคาวเลือด ปลายลิ้นร้อนของมาร์คตวัดเลียกลืนหยาดเลือดคาวราวกับปลอบโยน ทว่านั่นคือการดื่มกิน
ความคิดแบมแบมวุ่นวายกระจัดกระเจิง ลมหายใจเกร็งแน่นผ่อนคลายลงจากรสจูบร้อนมัวเมาหลอกล่อจนลืมความเจ็บที่ท่อนล่างไปได้บ้าง ความเจ็บเพราะเลือดข้นซึมออกมาจากผนังบาง ทำให้ความร้อนของท่อนเนื้อใหญ่ขยับเข้าออกจากร่างได้ง่ายมากขึ้น
“ข้าขอเลือด” เสียงทุ้มต่ำสั่นกระเส่า
Blood
ร่างน้อยโยกคลอนไปตามแรงสั่นของสะโพกสอบที่กระแทกเข้ามาในร่าง ความเสียวสะท้านยามที่ลิ้นร้อนสัมผัสตวัดเก็บกลืนหยาดเหงื่อที่ชุ่มร่างจากยอดอกของแบมแบม
“หยาดเหงื่อ”
Sweat
“อ๊าา อ๊ะ” เมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวกับความเจ็บ ความเสียวซ่านก็ทำให้รู้สึกสนุกมากขึ้น ยิ่งยามที่ลิ้นร้อนของมาร์คดูดกลืนยอดอกของร่างเล็กราวกับลูกกวาดรับจับหวะที่สะโพกแกร่งกระแทกแทรกเข้ามา แบมแบมไม่เคยคุ้นความรู้สึกเช่นนี้ ร่างเล็กสั่นระริกยามที่ห้วงอารมณ์ถูกชักนำขึ้นสูงเสียดขอบสวรรค์
ตาโตหลับปี๋แต่ก็ยังรู้สึกถึงลิ้นร้อนตวัดละเลียดเก็บกลืนน้ำตารสปร่าจากแก้มยุ้ยนุ่มของแบมแบม
“น้ำตา”
Tears
มือหนากดไปที่สะโพกมนจนแน่น ถาโถมจังหวะเข้ามาเร็วจนแบมแบมรู้สึกเหมือนว่าเตียงกำลังลอยขึ้นบนฟ้าแล้วถูกจับเขย่าอย่างบ้าคลั่ง หากความจริงมีเพียงร่างเขาต่างหากที่กำลังเขย่าอยู่ในยามนี้
“…” ปากอิ่มผวาเสียงร้องเมื่อสัมผัสขอบสวรรค์ด้วยความรู้สึกไม่คุ้นชินแต่เปรี่ยมสุข ใจดวงน้อยสั่นรัวหนักยามที่ปลดปล่อยของเหลวข้นออกมา ร่างกายเกร็งเสียจนผนังร้อนรอนรัดแน่น คนตัวโตต้องสูดปากเพราะความเสียวซ่านที่ร่างกายบริสุทธิ์หอมหวานมอบให้ ความร้อนของแท่งเนื้อในร่างยังคงตักตวงเข้ามาหนักหน่วง
“อย่างสุดท้ายคือความบริสุทธิ์ของเจ้า แบมแบม”
“อื้ออ” ซุกใบหน้าไปกับบ่ากว้างยามที่รู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งจี๊ดเข้ามาในร่าง เสียงทุ้มครางฮึ่มอยู่ข้างใบหู แบมแบมกอดคอมาร์คไว้จนแน่น หายใจระทดระทวยในวงแขนแกร่ง
เป็นความฝันที่เหนื่อยเป็นบ้าเลย
“เรียกชื่อข้าสิ” น้ำเสียงทุ้มหนักดังมาจากด้านหลัง แบมแบมมองวิวจากระเบียงบ้านของตนซึ่งอยู่ลึกเข้ามาในสวนสมุนไพรจนได้กลิ่นหอมๆเหล่านั้นอบอวลรอบกายดังเช่นที่ถูกห้อมล้อมด้วยแสงจันทราลอยเด่น ทอแสงเหลืองนวลอาบร่างทั้งสอง
แต่ยามนี้แบมแบมไม่ได้สนใจที่จะจ้องดู ..ไม่สิเรียกว่าไม่อาจทำได้คงจะถูกกว่า
“ม มาร์ค อื้อ” เสียงหวานหูเรียกรอยยิ้มพอใจจากคนตัวโต ตามจริงมันควรจะจบในรอบเดียวแต่ความน่าหลงใหลของร่างน้อยในอ้อมกอดนี้ทำให้เขาอดใจไมไหวที่จะครอบครองอีกครั้ง
ตาโตเป็นประกายมองร่างน้อยที่กำราวระเบียงไว้จนแน่น สะโพกกลมกลึงกำลังถูกกดย้ำลงไปจนลึกด้วยความร้อนใหญ่ สองวงแขนโอบกอดเอวบางและลูบไล้ไปทั่วผิวเนื้อละเอียดอ่อนสีน้ำผึ้งรับแสงจันทร์ที่แสนน่าหลงใหล
ใบหน้าน่ารักที่กำลังเสียวซ่านและชื้นน้ำตาจากการถูกรังแกน่ามองจนคนตัวโตที่แนบกล้ามท้องมาจนชิดแผ่นหลังอดไม่ได้ที่จะจับใบหน้าน่ารักมาจ้องมองและมอบรสจูบหวานให้
เป็นเลือดที่ดี เป็นร่างกายที่ดี
เป็นเด็กที่ดีและน่ารักจนแทบบ้าจริงๆ
“เรียกอีกสิ” คลายจูบออกเพราะความไม่ถนัด จับหมุนร่างน้อยให้หันหน้ามาหาตัวเอง แผ่นหลังบางพิงกับขอบเหล็กเย็นแต่ก็ไม่อาจรู้สึกถึงความเย็นได้ เมื่อทั้งกายร้อน สองขาไม่อาจยืนไหว ถูกจับเกี่ยวเอวแกร่งของคนตัวโตที่ยืนอยู่ตรงหน้า สองมือกำซี่ราวไว้จนแน่น ร่างสั่นโยกไปตามสัมผัสร้อนที่ตอกลึกเข้ามาในร่าง
“ม มาร์ค อ๊า มาร์ค” สำลักคำพูดออกมาถี่กระชั้น แต่ก็ยังไม่เร็วเท่าจังหวะร้อนที่กดย้ำเข้ามาในร่าง
“แบม อื้อ เจ้าดี ดีมากเลย ดี อื้อ” เสียงทุ้มกดย้ำข้างใบหูอย่างพอใจ สะโพกสอบย้ำความร้อนเข้าลึกในร่าง ความเสียวซ่านเยอะเกินไปจนสองแขนเล็กไม่อาจประครองร่างลอยไว้ได้ไหว สองมือใหญ่จึงตวัดแขนน้อยมากอดคอตัวเอง อิงสะโพกมนไว้กับราวระเบียงและย้ำจังหวะลงไป
แม้ร่างกำลังสั่นสะท้าน ปากอิ่มพึมพำเสียงครางหวาน แต่แบมแบมก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมเป็นประกายที่จ้องมองมา
ดวงตาคู่นั้นไม่ใช่สีแดงอีกแล้ว
“ไปพร้อมกับข้านะเด็กน้อย” เสียงทุ้มต่ำพึมพำบอก ร่างเล็กสั่นตามจังหวะย้ำรุนแรงจนในที่สุดก็สำลักรสอารมณ์ออกมาจนหมดสิ้น ผนังอุ่นรอนรัดจนหยาดอารมณ์ของคนตัวโตพุ่งร้อนเข้ามาทั่วท้อง หยาดของเหลวขุ่นไหลออกมาตามท่อนขาเรียวที่สั่นระริก
ร่างเกี่ยวพันดูดกลืนกันลึกซึ้งดังเช่นรสจูบหวานที่เกี่ยวกระหวัดดูดกลืนระหว่างกัน
เป็นฝันที่เหนื่อย เหนื่อยเป็นบ้า แต่ทว่าแบมแบมนึกคิดว่าฝันแบบนี้อีกก็คงดีขึ้นมาหลายเสี้ยวในความคิด
ถึงเหนื่อย แต่แบมแบมว่าการฝันถึงมาร์คนี่ก็เพลินดีนะ
۞
“อื้ออ” ริมฝีปากอิ่มครางแผ่วเบา ร่างกายรู้สึกเมื่อยล้า ตาโตปรือมองแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ฉายเข้ามาสัมผัสดวงตา
ง่วงจัง
คือความคิดแรกในหัวแบมแบมตอนนี้ ตาโตเบิกกว้างขึ้น จ้องมองริมหน้าต่างที่ยามนี้ว่างเปล่า
ตุ๊กตาของแม่มดพันปีจูเนียร์หายไป
พอเงยหน้ามองรอบกาย แบมแบมถึงได้รู้ว่าไม่แปลกหรอกที่ข้างหน้าต่างไม่มีตุ๊กตาที่เขาวางไว้ ที่จริงที่นี่ไม่มีอะไรที่เป็นของเขาเลย เพราะมันไม่ใช่ห้องเขา
ห้องกว้างหรูหราที่ตกแต่งด้วยสีแดงและสีทองไม่คุ้นตานี่มันที่ไหนกัน แบมแบมกวาดตามองด้วยความแปลกใจ ควานมือหาไม้กายสิทธิ์คู่กายแต่ก็ไม่พบเลย
“..” พอสมองประมวลผลได้ ทั้งร่างก็รีบเด้งลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และความเจ็บจี๊ดไปทั้งร่างก็ทำให้ตื่นเต็มตา
“ซี๊ดดด โอย” ปากอิ่มส่งเสียงร้อง น้ำตาคลอตาโตยามที่ความเจ็บแล่นปลาบไปทั้งร่าง จ้องมองตัวเองที่ยามนี้อยู่ในเชิ้ตสีขาวที่บนอกก็ปักตัวอักษรสีแดงว่า Master M ซึ่งเสื้อตัวโตไปกว่าตนเองมากนัก จนเผยไหปลาร้าและแผ่นอกที่เต็มไปด้วยรอยจูบเหมือนกลีบกุหลาบสีแดง
“ตื่นแล้วหรือเด็กน้อย” เสียงทุ้มคุ้นหูทักทาย ทำให้แบมแบมเหลียวไปมองคนตัวโตในชุดนักเวทย์ชั้นสูงสีแดงเหมือนบนตุ๊กตาที่แม่มดพันปีให้
และใบหน้านั้น
“มาร์ค” ปากอิ่มพึมพำ เขาต้องยังไม่ตื่นแหงๆ ทำไมคนในความฝันมายืนตัวโตยิ้มมุมปากให้แบบนั้นล่ะ
“นักเวทย์ชั้นสอง นายเรียกศาสตราจารย์มาสเตอร์เอ็มแค่นั้นได้ยังไงไร้มารยาท” เสียงแหลมปรี๊ดของแม่มดพันปี ตามมาหลอกหลอนถึงในความฝันเลยหรือไง แบมแบมหดคออย่างตกใจเมื่อเห็น ศาสตราจารย์จูเนียร์และศาสตราจารย์เจบีที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายตัวโตชื่อมาร์ค
“เจ้าไม่ควรดุภรรยาของข้า จูเนียร์ ดูแลคนสนิทของเจ้าด้วยเจบี” น้ำเสียงทุ้มที่ดุสองศาสตราจารย์จนหน้าหงอไม่ต่างจากยามที่แบมแบมถูกครูดุ ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ร่างเล็กรู้สึกว่าควรตื่นจากฝันได้แล้ว
เท่ากับคำว่าภรรยาของฉัน จากปากของผู้ชายตัวโตที่ยอมรับเถอะว่าแม้จะในฝันก็แปลกหน้ากันอยู่ดี
“โอ๊ย” แบมแบมร้องเสียงหลงเพราะหยิกแก้มตัวเองจนเจ็บ มาร์ครีบเดินตรงมานั่งข้างเตียง สองมือใหญ่ประครองแก้มใสไว้บนฝ่ามือแล้วเช็ดลูบน้ำตาให้
“ข้าทำเจ้าเจ็บใช่ไหม เด็กน้อยของข้า รอบหน้าจะถนอมกว่านี้ สัญญา” รอยยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวทำเอาใจแบมแบมเต้นไม่เป็นส่ำ
อย่างแรกชัดเจนแล้วคือเขาไม่ได้ฝันแน่ และเพราะไม่ได้ฝันเรื่องที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันน่าตกใจเสียกว่าเดิม
“อยากรู้เรื่องทั้งหมดหรือ” แค่มองตามาร์คก็พอเดาได้ แบมแบมพยักหน้ารับ มาร์คยิ้มกว้าง มือหนาโบกไม้กายสิทธิ์ สองศาสตราจารย์ก็ลอยหวือออกไปจากห้อง ประตูบานโตปิดล็อคอย่างดีและมีเพียงสองร่างที่ตระครองกอดกันบนเตียง
“ข้าจะเล่าให้ฟัง ใจเย็นๆ และฟังนะ ภรรยาของข้า”
จะใจไม่เย็นก็ต้องสรรพนามที่เรียกที่ทำเอาใจสั่นนี่ล่ะ
۞
“Master M คุณคือมาสเตอร์เอ็ม ผู้ก่อตั้ง สถาบันเวทมนต์ ‘The M Master’ เหรอ” แบมแบมเบิกตาโพลงหลังจากประมวลเรื่องที่ได้ฟังทั้งหมด
“ใช่แล้ว แต่เรียกว่ามาร์คดีกว่า เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ แบมแบม” พูดจบก็กดจูบไปที่ฝ่ามือเล็กซึ่งกุมไว้อย่างหลงใหล แบมแบมซุกลงแนบอกแกร่งยามที่สมองประมวลผลเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง
ที่แน่ ๆ เขาไม่ได้ฝันไป ทั้งหมดที่เขาได้ฟังคือเรื่องจริง
เรื่องจริงที่ยืนยันได้จากผู้ชายตัวโตที่นัวเนียเขาไม่หยุดนี้ซึ่งเป็นคนจริง ๆ ตัวเป็น ๆ
เมื่อสามร้อยปีที่แล้ว มาร์ค หรือ มาสเตอร์เอ็ม ผู้ก่อตั้งสถาบันเวทมนต์ ‘The M Master’ ทำการทดลองปรุงน้ำยาอมฤตที่จะทำให้เยาว์วัยไปได้นับร้อย ๆ ปี แต่ยาที่ทดลองทำเกิดความผิดพลาด ผลที่เกิดขึ้นทำให้มาสเตอร์เอ็มกลายเป็นตุ๊กตา ที่จะออกมาเป็นคนได้เพียงปีละหกครั้งในวันที่พระจันทร์ทอแสงสุกสกาวที่สุด
มาสเตอร์เอ็มปรุงยาจนได้สูตรที่ถูกต้องและให้เจบีกับจูเนียร์สองศิษย์เอกดื่ม เพื่อคอยดูแลสถาบันเวทมนต์ ‘The M Master’ ให้ ส่วนตัวเองก็พยายามหาทางที่จะกลับคืนร่างเป็นคนดังเดิม
มาสเตอร์เอ็มค้นพบในคืนของปีที่สองร้อยเก้าสิบเจ็ดว่าวิธีที่จะแก้คำสาปที่ผิดพลาดของน้ำยาได้ ตนต้องการเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตา จากร่างบริสุทธิ์ของเด็กซึ่งอายุยังไม่ครบยี่สิบปีบริบูรณ์ และเด็กคนนั้นจะต้องเป็นผู้ที่เกิดในคืนพระจันทร์เต็มดวงสุกสกาวและดาวทั้งเจ็ดของอาณาจักรเดอะ เซเว่นเรียงตัวกัน
มาร์คตามหามาตลอด และให้เจบีกับจูเนียร์ช่วยตามหา
หากแต่ไม่อาจค้นพบเจอ มาร์คเริ่มสิ้นหวังและทำใจที่จะอยู่ในร่างตุ๊กตาไปชั่วกาล
หากแต่เมื่อคืนนี้ความหวังก็มาหาเขา
และมาร์คในร่างมนุษย์ยามนี้ก็ชัดเจนมากพอแล้วว่า แบมแบมคือคนที่มาร์คตามหามาตลอดชีวิต
“ข้าจะตอบแทนอย่างไรดีที่ได้เจ้ามาเป็นของข้า แบมแบม” เสียงทุ้มข้างใบหูทำให้แบมแบมเงยหน้าขึ้นมอง มาร์คเองรู้สึกยินดีที่ได้แบมแบมมาถอนคำสาปร้าย แต่แบมแบมรู้สึกปาฏิหาริย์ยิ่งกว่า
ผู้ชายที่เขาตกหลุมรักและหมดหวังจะได้รักคืนเพราะแก่กว่าสามร้อยปีกำลังกอดเขาอยู่ตอนนี้
แบมแบมเริ่มดีใจแล้วล่ะที่นี่ไม่ใช่ความฝัน
“แบมว่า พี่มาร์คอยู่กับแบมไปเรื่อยๆน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด” เขินตัวเองไม่น้อยยามที่เอ่ยปากเรียกด้วยสรรพนามที่เขาคิดว่าเหมาะสมที่สุด เพราะถ้านับตามอายุจริงบางทีเรียกทวดก็อาจจะยังไม่พอ
ฉีกยิ้มหวานยามที่นิ้วใหญ่เกลี่ยแก้มใส ตาโตจ้องมองหน้าของมาร์ค มือหนาประครองใบหน้าน่ารักของแบมแบมไว้บนฝ่ามือใหญ่
“เป็นสิ่งที่ยินดีที่สุดที่ข้าจะทำ แบมแบม”
รสจูบร้อนประทับบนริมฝีปาก และครานี้สองแขนเรียวก็วาดโอบรอบลำคอของมาร์คเพื่อสานต่อรสจูบหวานได้ถนัดมากขึ้น
แบมแบมคิดว่านี่คงเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดที่เขาเคยได้รับมา
۞
“นายได้ยินที่เขาพูดกันไหมแบมแบม เขาบอกว่าศาสตราจารย์คนใหม่วิชาการใช้คาถาหล่อมาก หล่อแบบที่ยอมไปจับโทลล์เลยล่ะถ้าศาสตราจารย์ยิ้มให้” ยองแจตะโกนถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดังมากพอที่จะได้ยินกันไปทั่วห้อง ทว่ายองแจก็ได้แต่แปลกใจที่แบมแบมเพื่อนของตนแค่ทำหน้านิ่งๆเท่านั้น
“นายไม่ตื่นเต้นเลยเหรอแบม เขาว่าศาสตราจารย์คนนั้นแนะนำตัวเองว่าชื่อมาสเตอร์เอ็มด้วยนะ ใครๆก็ตื่นต้นกันใหญ่”ยองแจนั่งลงตรงข้ามเพื่อนตาเรียวเล็กจับผิดใบหน้าของแบมแบมที่แค่อมยิ้มแล้วเหลือบตามามองเท่านั้น
เอาจริงๆเถอะ ช่วงนี้ยองแจก็ไม่เห็นแบมแบมถือหนังสือของมาสเตอร์เอ็มติดตัวไปทุกที่ หรือเอาแต่มองป้ายชื่อสถาบันที่มีลายเซ็นของมาสเตอร์เอ็มนั้นอีกแล้วเลย
ถ้าจะพูดกันเพื่อนเขาแทบไม่พูดถึงมาสเตอร์เอ็มมาหลายวันแล้ว แต่พูดถึงอะไรมาร์คๆก็ไม่รู้แทน แล้วก็เอาแต่อมยิ้มตลอดเวลา ..แถมยังมีรอยแดงๆตามคอด้วย
“นายไม่สบายหรือเปล่าแบมแบม มีปื้นแดงๆขึ้นด้วย ชอบยิ้มคนเดียวอีก ไม่สบายบอกได้นะฉันจะพาไปหาศาสตราจารย์แจ็คสันที่ห้องพยาบาล หรือจะไปหาศาสตราจารย์ยูคยอมวิชาพืชสมุนไพรดี” ยองแจจับตัวเพื่อนสนิทตรงนั้นตรงนี้ไม่หยุด แบมแบมหัวเราะขันเสียงดัง
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อยยองแจ” แบมแบมกัดริมฝีปากอิ่มของตัวเอง แก้มขาวแดงเรื่ออวดสายตาฉงนของยองแจ
“ฉันก็แค่…” แล้วก็เงียบไป ยองแจเบิกตาโพลงรอฟังประโยคสานต่อ
“พี่มาร์คมาแล้วเหรอครับ” แล้วเพื่อนตัวดีก็ลุกขึ้นยิ้มแฉ่งวิ่งไปเฉย ยองแจหันขวับมองตาม เห็นผู้ชายรูปหล่อในชุดนักเวทย์ชั้นสูง ตัดสินใจได้ว่านี่คงเป็นศาสตราจารย์คนใหม่ที่ใคร ๆ พูดถึง
หล่อจริงยองแจยอมรับ แต่มากกว่าความหล่อ แบมแบมไปรู้จักตั้งแต่เมื่อไหร่ สนิทสนมจนคว้าแขนมากอดง่ายๆได้ยังไงกันน่ะ
“ยองแจ ฉันไปก่อนนะ” แบมแบมหันมาบอกยิ้มจนปากอิ่มเอิบวาดกว้าง โบกมือลาแล้วเดินจากไปทิ้งยองแจให้นั่งงงอยู่คนเดียว
“ย่ำค่ำนี้เจ้าอยากทานสิ่งใด บอกข้าได้เลย ภรรยาของข้า” มือหนากระชับมือบางไว้จนอุ่น ตาโตจ้องมองพิศไม่วางตา เอ่ยถ้อยถามอย่างเป็นห่วง แบมแบมฉีกยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าเบา ๆ
“ผมบอกแล้วไงครับ พี่มาร์คว่าเลิกใช้คำโบราณๆแบบนั้นได้แล้ว ผ่านมาสองร้อยห้าสิบปีแล้วครับ แค่ถามว่าเย็นนี้อยากกินอะไรก็พอ แล้วก็อย่างที่ผมเคยบอก เรียกชื่อผม แทนตัวเองว่าพี่ โอเคไหมครับ ไม่ต้องตบท้ายด้วยภรรยาของข้าทุกประโยคด้วย” แบมแบมอธิบาย มาร์คไม่ได้ใช้ชีวิตตามทันเวลาที่ผ่านมาได้ดีนัก ถ้อยคำที่ใช้จึงโบราณได้ใจ แบมแบมก็คอยแนะนำสิ่งใหม่ให้เรื่อยๆ ลดช่องว่างของกาลเวลาให้เราใกล้กันมากยิ่งขึ้น
“งั้นหรือ ได้สิ พี่จะพยายามปรับตัว แต่ว่าแบมไม่ชอบหรือที่พี่เรียกว่าภรรยาของพี่” ตาคมโตจ้องมองอย่างพาซื่อและแฝงความน้อยใจไว้ แค่ถูกจ้องมาด้วยใบหน้าหล่อเหลานี้ แบมแบมก็หุบยิ้มไม่ได้ ก้มหน้าหลบตา
“เปล่าครับก็แค่ …ข…น”
“หืม ดังหน่อยได้หรือไม่ พี่ไม่ได้ยิน” มาร์คก้มหน้าลงใกล้ริมฝีปากอิ่มเพื่อฟังถ้อยเสียงหวาน
“ผมเขิน” พูดออกมาเสียงแผ่ว ทว่าจุดยิ้มร้ายบนใบหน้าคมมือหนาประครองใบหน้าหวานให้เงยขึ้น ตาคมคู่นั้นจ้องมองมา สะท้อนภาพแบมแบมไว้ในแววตา ดังเช่นที่มีแบมแบมครอบครองเต็มดวงใจ
“ดีจริง พี่จะไม่หยุดเรียกหรอก เพราะพี่ชอบเวลาแบมเขิน” ดวงตาเป็นประกายนั้นเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นจนริมฝีปากของแบมแบมรู้สึกอุ่น ภาพตรงหน้าเบลอเลือนไป แบมแบมเลือกที่จะหลับตา คล้องสองแขนไปรอบคอของมาร์ค ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับรสจูบร้อนที่กำลังสัมผัส
โดยที่ไม่ได้รู้ตัวว่ารอบกายได้เปลี่ยนไปเป็นห้องนอนอันหรูหราของมาร์คแล้วยามที่ข้อมือแกร่งโบกไม้กายสิทธิ์ พร้อมดื่มกินรสจูบหวาน
จากความเพียรพยายามแทบเลือดตากระเด็น ในที่สุดแล้วมาร์คก็ได้แบมแบมมาครอบครอง
ของขวัญที่ดีที่สุดที่ผู้ชายคนนี้รอคอย
۞
มาสเตอร์เอ็มนี่วี่แววหลงภรรยาเด็กมาเต็มมากกก 555 ก็สมน้ำสมเนื้อกัน เพราะแบมแบมก็หลงใหลสามีที่แก่กว่าสามร้อยปีของตัวเองไม่ต่างกัน ถถถถ
เรื่องสั้นนี้เคยแต่งร่วม ปจ เมื่อนานมาแล้ว ไม่เคยเอาไปลงที่ไหน ไม่เคยรู้เลยว่าฟีดแบคเป็นยังไง สนุกหรือเปล่า
ทุกคนร่ายเวทมนต์ ทิ้งฟีดแบคไว้ให้เราหน่อยน้าา ใครไม่สะดวกในเด็กดี จะติดแท็กในทวิตก็ได้ค่ะ แท็กรวมเรื่องสั้นเรา #ฟิคบทฟ8 จะรอรับเวทมนต์ยิ้มแฉ่งจากทุกคนนะค้าาาา
เอามาลงเพราะคิดถึงทุกคนแล้วก็อยากรู้ด้วยค่ะว่าเรื่องนี้เป็นยังไงสนุกไหม คนอ่านแล้วคิดเห็นยังไงกัน
ป.ลแต่งตั้งแต่สมัยจินยองยังใช้ชื่อว่าจูเนียร์อะคิดดู ถถถถถ
คิดถึงทุกคนซำเหมอเด้อ
#ฟิคบทฟ8
เรื่องนี้สนุกมาก มีความเหนือธรรมชาติ ชอบมากค่ะ เป็นแนวที่หาอ่านได้ยากมาก แต่งได้ดีจริงๆค่ะ
สนุกค่ะ หวานๆดี น่ารักมาก