[FIC-KW/TJ/CNN]Never Let you go # 17 END

Title: Never Let you go
Chapter :#17 I will be ถ้ามันคือความรัก
Couple : NICHKHUN x WOOYOUNG , Taecyoun x Jaebeom,Chansung x Junho, Jun.K
Rate : > NC15
Writer : LoveMe [KissMe] <
*เนื้อหาในเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง ไม่เกี่ยวข้องกับสถานที่ สถานการณ์และบุคคลจริงใด ๆ ทั้งสิ้น*
I will be ถ้ามันคือความรัก
ถ้ามันคือความคิดถึง ฉันเองก็คงคิดถึง
ถ้ามันคือความลึกซึ้ง ก็ลึกสุดๆ หัวใจ
ถ้ามันคือรักจริงๆ ก็คงจะรักมากมาย
……………….
07.37
โซล เกาหลีใต้
 
แจบอมซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอุ่น ๆ ของแทคยอนราวกับแมวขี้อ้อน เรียวปากแดงวาดยิ้มหวานอย่างรู้สึกดีใจ ดีใจเหลือเกินที่ได้นอนแล้วก็ตื่นอยู่ข้างแทคยอนแบบนี้ อย่างกับความฝันแน่ะ
วาดมือบางกอดรอบหน้าท้องแกร่งของแทคยอนก่อนจะยกมือขึ้นแล้วรัวกำปั้นลงไป
“โอ๊ยยย” ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดแบบนี้แสดงว่าเขาไม่ได้ฝันจริง ๆ ด้วย
“อ๊างงง ฉันเจ็บนะเจย์ นายมาทุบฉันทำไม คนใจร้าย” เสียงทุ้มบ่นและโวยวายเป็นสาวน้อยโดนรังแก แต่มือหนานั้นสิดันคว้ากำปั้นขาวเล็กไว้ในอุ้งมือแล้วก็ใช้มันดึงคนตัวเล็กขึ้นมาไว้ให้กระชับในอ้อมกอดมากขึ้น
“ต้องลงโทษเป็นจูบรัว ๆ” ว่าแล้วก็กดจูบลงไปบนปากแดงพอแจบอมเบี่ยงหน้าหนีก็กดจูบลงไปตามผิวเนื้อขาวนิ่มแทน ตรงไหนเปิดโอกาสขึ้นมาแทคยอนกดจูบรัวลงไปตรงนั้นทันที
“แทค ปล่อยนะ ไอ้บ้า แทคยอนปล่อยน๊าาา” เสียงแหลมหูราวกับเด็กผู้ชายหวีดร้องพร้อมใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ดันผู้ชายตัวโตที่ระดมจูบอยู่ให้ออกห่างไปแต่ก็ดูจะช่วยอะไรไม่ได้เลยยิ่งกับแทคยอนเสียงผลักไสที่ไม่จริงจังสักนิดของแจบอมนี่มันหวานหูชะมัดเลย
“คิกคิก จั๊กจี๊อ่ะแทค ปล่อย ๆ ” แล้วก็หัวเราะออกมาเมื่อโดนหนวดสากของแทคยอนถูไปบนหลังฝ่ามือ
“ฉันดีใจจังเลยเจย์ ที่ได้อยู่กับนายแบบนี้” หยุดแกล้งแล้วก็ดึงคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมกอด
“ฉันก็ดีใจ เฮ้อออ ชักจะไม่อยากให้พรุ่งนี้มาถึงเสียแล้วสิ”
“นั่นสิ เสียใจอ่ะ ที่ขอเลื่อนพี่จินยองไปญี่ปุ่นช้าลงได้วันเดียวเอง ป่านนี้พวกนั้นก็คงถึงญี่ปุ่นแล้วมั้ง” ว่าแล้วก็เนียนถูไถหน้าไปตามหัวไหล่แล้วก็แผงอกของแจบอม เช้า ๆ แบบนี้ต้องรีบลวนลามก่อนที่แจบอมจะหายเบลอแล้วรู้ตัวมาป้องกันตัวเองได้ทัน เมื่อคืนแสนจะชื่นใจที่ได้นอนกอดเฉย ๆ ไปละ วันนี้ก็ขออะไรนิดหน่อยเถอะ แทคยอนจะเหี่ยวตายแล้วนะ เมี๊ยววว
“งั้นตอนนี้สามคนนั้นก็ถึงญี่ปุ่นแล้วสิ นายนี่นิสัยไม่ดีเลยนะโดดงานเนี่ย” แจบอมบ่น
“แต่ฉันก็ชอบนะถ้านายจะโดดงานมาอยู่กับฉัน” หัวเราะร้าย ๆ ตามสไตล์ปาร์ค แจบอม แล้วก็ตีมือหนาแสนซุกซนของแทคยอนที่กำลังจะลักลอบเข้าไปในเสื้อยืดของตัวเอง
“นี่ไม่เอาน่าแทค รอบนี้ไม่ขอทำได้ไหม” เอ่ยว่าแทคยอนก็เลยทำหน้าหงอยหางลู่หูตกใส่ซะเลย
“ทำไมล่ะเจย์ นายไม่คิดถึงสัมผัสของฉันบ้างเหรอ ฉันคิดถึงนายนะ เงี๊ยว” ร้องอ้อนเป็นแมวแล้วก็เอาแก้มถูเอวบางที่กล้ามเริ่มฟ่อเพราะมัวจิตตกเรื่องของแทคยอน
“คิดถึงสิ ฉันก็เป็นผู้ชายนะ แต่ว่าถ้าทำก็จะเสียเวลาที่มองหน้านายแบบนี้ไปน่ะสิ” ว่าอย่างขัดเขินแล้วก็เอียงหน้าที่แก้มแดงก่ำหลบไปอีกทาง ท่าทางที่ทำมันน่ารักมากจนแทคยอนขอยอมแพ้ทุกอย่าง เจอแจบอมโหมดน่ารักแล้วยอมพ่ายแพ้หมดทุกสิ่งจริง ๆ
ซบหน้าลงกับเอวบาง ใช้จมูกโด่งของตัวเองกดลงสัมผัสกลิ่นหอม ๆ ก่อนจะลากขึ้นมาถึงแผงอกของแจบอม
“อ่อ ใช่สิ นายยังติดฉันอยู่นะแทคยอน ครั้งล่าสุดเนี่ย นายทำอะไรกับฉันไว้หะ ไอ้ตัวดี” ว่าแล้วก็ดึงแก้มตอบ ๆ ของแทคยอนเป็นการลงโทษแบบไม่จริงจังนัก แต่แทคยอนแทนที่จะทำหน้าเมี๊ยวอ้อนเอาตัวรอดเหมือนเคย ดวงตาทรงอัลมอนด์คู่โตนั้นทอประกายเศร้าหมอง จับมือบางของแจบอมที่แนบแก้มตัวเองอยู่เอาไว้
“เรื่องนั้นฉันขอโทษนายจริง ๆ นะเจย์ ฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนั้น ตอนนั้นฉันเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ ฉันกอดนายมาตั้งกี่ครั้ง แม้แต่ครั้งแรกของเรานายก็ยังไม่กลัวฉันเท่าคืนนั้นเลย ฉันจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้นเพราะสิ่งที่ฉันทำมันเลวร้ายมากจริง ๆ ฉันแค่หวังว่านายจะอภัยให้ฉัน ทุบตีฉันเอาคืนยังไงก็ได้” ว่าแล้วก็จับมือคู่เล็กให้ตีลงบนแก้มตัวเอง แจบอมฝืนมือตัวเองไว้แล้วดึงแก้มแทคยอนอีกครั้ง
“บ้าน่าแทค คืนนั้นฉันไม่ได้โกรธนายเลยนะ แต่มัน..ก็น่ากลัวจริงนั่นแหละ” เอ่ยพูดถึงคืนนั้นด้วยเสียงที่แผ่วเบาลง ตาเรียวที่จ้องโฉบเฉี่ยวอย่างมั่นใจก็หลบไปอีกทางจนแทคยอนยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปใหญ่
“แต่ฉันเข้าใจนายนะแทค นายไม่ผิดหรอก ฉันสิโรคจิตยิ่งกว่าอีกที่นายมาปล้ำฉันชัด ๆ ฉันยังรู้สึกดีใจเลยที่ได้เจอนาย ถ้านายไม่บ้าบิ่นแบบนั้นจะใช่แทคยอนของฉันไหมล่ะ” ว่าแล้วก็อมยิ้มอย่างน่ารัก มือขาวลูบแก้มแทคยอนอย่างเนิบช้า
“นายอาจจะทำอะไรบ้าบอมากมายนะแทคยอน ฉันไม่ว่านายหรอก เพราะนายเองก็ไม่เคยว่าฉันเหมือนกัน เพราะเราบ้าบอพอกันไงเราถึงได้อยู่ด้วยกันแบบนี้” วาดยิ้มอ่อนโยนอย่างใจดีแบบที่ไม่เหมาะสมกับเป็นปาร์ค แจบอมเท่าไหร่เลยแต่ก็ทำให้แทคยอนหัวใจพองโตอย่างมีความสุขได้ไม่น้อยเลย
“แต่ฉันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีนะเจย์ เอางี้ ฉันให้นายลงโทษใบหน้าหล่อ ๆ ของฉันได้ตามต้องการเลยเพื่อเป็นการแก้แค้น” ว่าแล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ แล้วก็หลับตาปี๋ใส่อย่างกับสาวน้อยกลัวโดนแกล้ง แจบอมหลุดยิ้มแล้วก็ส่ายหัวกับตัวเอง
ถ้าวันไหนแทคยอนมีสติครบถ้วน วันนั้นแทคยอนก็คงจะกลายเป็นคนที่ดีเกินไปสำหรับคนอย่างเขามากกว่านี้อีกสินะ
แล้วถ้าแทคยอนมีสติมากกว่านี้ เขาก็คงไม่รักไอ้แมวบ้านี่เท่านี้หรอก
“โอเค ถ้านายยืนยันจะขอบทลงโทษ ฉันก็จะจัดให้นายนะแทค” พูดด้วยเสียงเหี้ยมเกรียมแล้วก็หักนิ้วจนเสียงดังกรอบแกรบสร้างความหลอนให้กับแทคยอนไม่น้อยและเมื่อมืออุ่นของเจย์แตะลงบนหน้าแทคยอนก็ยิ่งหลับตาปี๋เสียกว่าเก่า สัมผัสอุ่นของแจบอมจับลงที่แก้มทั้งสองข้างแล้วก็ลูบขึ้นไปจนใกล้กับเปลือกตาโต
หรือแจบอมจะควักตาเขาแก้แค้นกัน โอ้ เจย์จ๋า ถ้าสามีตาบอดแล้วใครจะคอยเลี้ยงเจย์ล่ะคนดี โว้วโฮวววว
สัมผัสอุ่นลูบไล้ไปมาบนหน้าผากที่ขมวดจนย่นและไล่ลงมาตามหางตาที่หลับปี๋จนย่นไปหมดไปลูบแผ่วเบาจนแทคยอนค่อย ๆ ผ่อนคลายจนรอยย่นพวกนั้นเรียบตึงขึ้น
“จงรักแต่ปาร์ค แจบอมตลอดไป” เสียงเล็ก ๆ เหมือนกับเสียงเด็กผู้ชายดังขึ้นก่อนจะกดจูบลงไปบนหน้าผากของแทคยอนแผ่วเบาแต่ก็เนิบช้าอย่างไม่รีบร้อน ตาโตค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองก็เห็นใบหน้าขาวของแจบอมที่กำลังจ้องมองหน้าตัวเองลอยอยู่ตรงหน้า
“ฉันลงโทษนายแล้วนะแทค ฉันสาปนายให้รักได้แต่ฉันคนเดียว ถ้าวันไหนนายฝ่าฝืนคำสาปของฉันล่ะก็ โดนดีแน่” วาดยิ้มร้ายแล้วก็ดีดหน้าผากกว้างไม่แรกนักไปหนึ่งที พร้อมหัวเราะคิกคักปิดท้ายเสียด้วย
“ฉันรักนายจังเลย แจบอม” จู่ ๆ ก็พูดออกมาหน้าตาเฉย ฟังแล้วแจบอมก็หน้าแดงแปร๊ดคนที่บอกว่าอยากจะมองหน้านานเลยกลายเป็นฝ่ายหลบหน้าหนีไปเสียเอง
“บอกรักฉันบ้างสิ เจย์” อ้อน และอ้อน และอ้อนเท่านั้นแหละอค แทคยอน
“ไม่เอา ฉันไม่ได้หน้าด้านเหมือนนายนะ” ส่วนคนเขินก็กลิ้งหนีสัมผัสคนขี้อ้อนที่ซุกไซร้เข้าหาตัวเองเป็นการใหญ่
“แต่ฉันอยากได้ยินจริง ๆ นี่นา เจย์” กระพริบตาโตใส่อย่างแอ๊บแบ๊วใจขาดดิ้น
“ก็ได้ แต่ฉันจะพูดเบานะนายต้องตั้งใจฟังล่ะ” ว่าแล้วคนฟังก็ทำตาโตจ้องมองใบหน้าขาวน่ารัก ๆ ของแจบอมอย่างลุ้นระทึกและรอฟังอย่างตั้งใจ เพราะแจบอมก่อกวนกันหรือตั้งใจไว้แต่แรกแล้วก็ไม่รัก พอริมฝีปากเจ่อแดงขยับเอ่ยพูดแล้วมันถึงได้เบาแสนเบาจนเหมือนแจบอมกำลังขยับปากเฉย ๆ เพียงเท่านั้น
“เจย์ ฉันไม่ได้ยินเลย”
“ขยับเข้ามาใกล้ ๆ อีกสิจะได้ได้ยิน”พอได้ฟังคำแนะนำแล้วแทคยอนก็ไม่รอรีที่จะขยับเข้ามาใกล้ ใกล้ทันที
แจบอมขยับปากพูดอีกครั้งแต่แทคยอนก็ยังไม่ได้ยิน คนตัวโตจึงได้ขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้นอีกนิด
แจบอมขยับพูดออกมาอีกครั้งในความดังที่เท่าเดิม แทคยอนเริ่มได้ยินแล้วล่ะแต่มันก็ยังไม่ชัดพอ ก็เลยขอขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิมอีกนิดนึง เพื่อให้ได้ยินชัด ๆ
แล้วพอขยับเข้ามาจนใกล้จนห่างเพียงชั่วลมหายใจระหว่างปลายจมูกที่พ่นลมหายใจอุ่นละมุนออกมาล้อสัมผัสเหนือริมฝีปากนุ่มของกันและกัน เมื่อแจบอมขยับริมฝีปากพูดอีกครั้งถ้อยคำที่เปล่งเสียงออกมาจึงดังมากพอที่คนอยากและคนที่พูดให้ฟังจะได้ยินมันพร้อม ๆ กัน
“ฉันรักนาย อค แทคยอน” และเมื่อแจบอมขยับริมฝีปากพูดอีกครั้ง แทคยอนขยับตัวเข้ามาใกล้อีกนิด จนผิวสัมผัสนิ่ม ๆของกลีบปากทั้งสองนั้นแนบประสานและหยอกล้อกันและกันอย่างที่ใจของทั้งคู่อยากจะทำ
ถึงแม้ว่าจะไม่อาจหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ได้อย่างที่อยากทำ แต่พวกเขาก็จะใช้ทุกวินาทีที่มีอยู่ให้คุ้มค่าอย่างที่สุด
พวกเขาเชื่อเช่นนั้นจริง ๆ
“ว๊ากกกก แทคยอน ห้ามล้วงนะ อค แทคยอนนนนนน”
……………….
07.59  
โตเกียว ญี่ปุ่น
 
เพราะเสียงที่ดังก้องขึ้นมาจากภายนอกนั่นเองจึงทำให้คนที่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุขค่อยๆ รู้สึกตัวแล้วก็ลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งที่แรกที่คนที่เพิ่งตื่นนอนคิด คือ มีความสุขเหลือเกิน เรื่องเมื่อคืนนี้นั้นราวกับกับความฝันอย่างนั้นล่ะ แล้วความคิดที่สองก็คืออยากจะหอมแก้มคนแก้มป่องรับอรุณเสียจริง ๆ คิดได้เช่นนั้นก็ควานมือออกไปคว้าร่างบางที่นอนอยู่ข้างกายอย่างรวดเร็ว
และต่อมาสิ่งที่ได้รับรู้ก็คือความว่างเปล่า
ตาโตเบิ่งกว้างขึ้นอย่างตกใจ นิชคุณหันไปมองพื้นที่ข้างกายและรับรู้ว่ามันว่างเปล่าจริง ๆ อย่างที่สัมผัสจากฝ่ามือบอก หัวใจที่พองโตนั้นเต้นแรงขึ้น
นิชคุณหยุดความกระวนกระวายของตัวเองแล้วตั้งใจฟังเสียงจากข้างนอก เสียงของพี่จุนซูบ่นอะไรสักอย่างเป็นสำเนียงแดกูแล้วก็เสียงปิดประตูห้องที่ห่างไปสองสามห้องดังขึ้น แล้วก็เสียงของจุนโฮที่ดูเหมือนกำลังบ่นชานซองเรื่องการกินอาหารที่ทำให้ปากตัวเองเลอะเทอะอยู่
นิชคุณตั้งสติแล้วก็ให้กำลังใจตัวเอง บางทีตอนนี้อูยองอาจจะกำลังยืนจิบโกโก้ร้อนแล้วก็โต้เถียงเล่นกับจุนโฮอยู่ข้างนอกก็ได้ เขาต้องใจเย็น เขาต้องไม่ใจร้อน พุธโธ พุธโธ บอกตัวเองอย่างนั้นแล้วก็ตั้งสมาธิอย่างใจเย็น
ตอนนี้ อูยองกำลังรอเขาอยู่ข้างนอกนั่นล่ะ ใจเย็นนิชคุณ
ลุกจากเตียงนอนด้วยสภาพร่างกายที่สมบูรณ์น่ามองที่ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ มองดูเสื้อผ้าของอูยองที่หายไป ใช่แล้วล่ะอูยองแต่งตัวออกไปรอเขาข้างนอกแล้วล่ะ ย้ำกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะลงมือแต่งตัวอย่างรวดเร็วด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างลุ้นระทึก
……………….
“ถ้านายทำแบบเมื่อกี๊อีก ฉันตีนายตายแน่ฮวาง ชานซอง” เสียงหวานที่เอ่ยขู่ดังขึ้นจากโซนครัวนั้นเรียกให้ฝีเท้าของคนที่เพิ่งเปิดประตูออกมาเดินตามไปดูแทบทันที
“ทำไมล่ะ จุนโฮ นายว่าปากฉันเปื้อนฉันก็เลยเช็ดมันด้วยปากนาย ฉันทำไม่ถูกเหรอ” เสียงต่อล้อต่อเถียงด้วยใบหน้ากวน ๆ ของคนที่คร่อมอยู่ด้านหน้าจากโต๊ะที่จุนโฮโดนดันมาจนติดแล้วก็โดนขังไว้ด้วยวงแขนใหญ่ของตาทึ่มตรงหน้า
“ไม่ถูกน่ะสิ เจ้าบ้าแค่นี้คิดเองไม่ออกเหรอ” เสียงว่ากลับที่มันขัดเขินเสียยิ่งกว่าเหวี่ยงวีนเป็นไหน ๆ
“อ้าว คิดไม่ออกน่ะสิ อยากรู้จริงผิดตรงไหนกันน๊า” ว่าแล้วก็กดใบหน้าลงมาใกล้จนแทบจะปากติดกันอีกรอบ จุนโฮละอยากจะตีชานซองจริง ๆ นะ ถ้าไม่ติดว่าโดนมือใหญ่ของคนหน้าหมีที่ไหนไม่รู้จับข้อมือล็อคติดไว้กับโต๊ะแบบนี้น่ะ
“อื้อ ไอ้บ้าชานซอง”
“เอ่อ อะแฮ่ม อะแฮ่ม” เสียงไอแบบจงใจสุด ๆ ที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ชานซองและจุนโฮหันไปมองแล้วพอเห็นใบหน้าของนิชคุณ จุนโอก็อาศัยจังหวะนั้นผลักชานซองอย่างแรงแล้วก็เดินไปหลบอยู่หลังพี่ชายจากเมืองไทยเอาไว้เป็นไม้กันหมีทันที
“คือพี่มีเรื่องจะถามพวกนายหน่อยน่ะ” นิชคุณเปิดประเด็นถามสิ่งที่สงสัยทันทีเมื่อกวาดสายตามองหน้าคนที่ตัวเองหาจนทั่วแล้วก็ไม่เจอ
“พี่คุณมีอะไรเหรอ” เสียงถามจากมักเน่ที่กำลังทำหน้าเบลอ ๆ แต่ตาน่ะจ้องมาที่ข้างตัวนิชคุณอยู่เต็ม ๆ
“คือว่าพวกนายมีใครเห็นอูยองบ้างไหม”
“อูยองเหรอครับ” เสียงของรองมักเน่ที่อยู่ข้างตัวดังขึ้นเรียกร้องสายตาโตให้หันไปมอง
“ตอนพวกผมมาถึงเหมือนจะเห็นอูยองกำลังแต่งตัวออกไปข้างนอกอยู่นะครับ ใช่ไหมชานซอง”
“ใช่นะพี่คุณ ตอนผมมา อูยองไม่ยอมมองตาพวกผมเลยเห็นรีบโบกมือให้ บ่นอะไรงึมงำไม่รู้ แล้วก็รีบออกไปเลยไม่รู้รีบไปไหน”
“งั้นเหรอ แล้วพวกนายมาถึงนานหรือยัง”
“ประมาณครึ่งชั่วโมงได้มั้งครับ ใช่ป่ะ ชาน” เอ่ยถามมักเน่ที่ค่อยเดินอย่างแนบเนียนมาอยู่ข้างตัวจุนโฮอีกครั้งแล้ว ชานซองวาดยิ้มแล้วก็พยักหน้าให้นิชคุณรัว ๆ
“อา อา ขอบคุณนายสองคนมากนะ เดี๋ยวพี่มา” นิชคุณรีบเดินไปคว้าเสื้อกันหนาวของตัวเองแล้วก็วิ่งออกจากหอพักไปอย่างรวดเร็ว เร็วให้มากพอกับสถานที่ที่หัวใจของเขานั้นไปถึงแล้ว สถานที่ที่เขาคิดว่าอูยองน่าจะอยู่ที่นั่น น่าจะเป็นที่นั่นแน่ ๆไม่น่าผิด
แล้วพอเสียงปิดประตูของนิชคุณเงียบไปจุนโฮก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองพลาดเสียแล้วก็เมื่อยามที่โดนดันจนจนมุมไปกับกำแพงเย็นอีกครั้งนึงจากคนคนเดิม
“เรามาคุยเรื่องของเราต่อจากเมื่อกี๊ดีกว่านะ จุนโฮ” เสียงมักเน่เอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่อย่างเจ้าเล่ห์จนจุนโฮอยากจะบ้าตายไปเสียเลยจริง ๆ
……………….
“พี่คิดแล้วว่าอูยองต้องอยู่ที่นี่” นิชคุณยืนหอบหายใจจนตัวโยนเพราะวิ่งออกมา
 เดินเข้ามาใกล้อูยองที่กำลังนั่งดูแสงสีส้มสลัวบนเส้นขอบฟ้าที่เก้าอี้ตัวเดิมกับที่เรานั่งอยู่ด้วยกันเมื่อคืนก่อน นิชคุณยืนนิ่งหยุดพักเพื่อหายใจอย่างหอบเหนื่อย อูยองที่นั่งทอดสายตามองทิวทัศน์สวยๆ ตรงหน้าหันกลับมามองหน้านิชคุณ บรรยากาศยามเช้าที่แสงแดดยังไม่แรงนักความเหน็บหนาวที่ยังไม่พุ่งตรงเข้ามาทำร้ายอย่างควรเพราะเสื้อกันหนาวตัวอุ่นที่ต่างก็ใส่มา
อูยองหันกลับไปมองวิวตรงหน้าโดยไม่พูดอะไร นิชคุณเองก็ไม่กล้าคาดหมายว่าตอนนี้อูยองกำลังคิดอะไรอยู่ นิชคุณทรุดตัวนั่งลงข้างๆ อูยอง ดวงตาโตไล่มองตั้งแต่ผมนิ่มสีสวยที่ไม่มีหมวกอุ่นคอยดูแล ต้นคอขาวที่โผล่พ้นปกเสื้อมาให้มองเห็นร่องรอยเรื่องราวที่เราทำไว้ด้วยกันเมื่อคืน ราวกับกลีบกุหลาบแดงที่ปลิวไปทั่วต้นคอขาว นิชคุณมองดูแล้วถอนลมหายใจทิ้งไปอย่างเนิบช้า
จะว่าไปบรรยากาศตอนนี้มันก็คล้ายกับเช้าของคืนแรกที่เรามีอะไรกันอย่างน่าประหลาด จนชวนให้รู้สึกแอบหวั่นกลัวขึ้นมาในใจ
“พี่คุณอยากรู้ไหมครับว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นมาในที่สุด น้ำเสียงของอูยองดูสบายๆ และเรื่อยๆ จนทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง
“อยากรู้สิครับ”
“ผมกำลังคิดถึงคืนนั้นที่เรามีอะไรกัน แล้วก็คิดถึงเมื่อคืนนี้” เงียบไปครู่นึง
“แล้วอูยองคิดถึงมันว่ายังไงเหรอครับ” ถ้าถามว่านิชคุณเอ่ยถามคำถามนี้ด้วยความรู้สึกลุ้นระทึกไหม คงบอกได้เลยว่าลุ้นระทึกเหลือเกิน
“ผมกำลังคิดให้มันกลายเป็นความฝันไปจริง ๆ ” แล้วถ้าถามนิชคุณว่าเมื่อได้ฟังประโยคนี้แล้วรู้สึกหัวใจสลายไหมก็คงต้องยอมรับมันกำลังย่อยยับลงไปอย่างไม่มีชิ้นดี เพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่ได้ฟัง
“ทำไมล่ะครับ”
“เพราะผมอยากให้นิชคุณคนใจร้ายที่ผมเคยเจอในช่วงเวลาระหว่างสองคืนนั้นเป็นความฝันไปด้วยยังไงล่ะครับ”ดวงตาเรียวเล็กยังคงทอดมองไปในภาพสวยงามที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า
“ผมอยากให้ที่ผ่านมา ตอนนี้ และต่อจากนี้ไป มีเพียงนิชคุณคนนี้ คนธรรมดา หน้าตาดีแต่นิสัยขี้แกล้ง ชอบกวนผม ชอบดุผม โมโหผมบ้าง ว่าผมบ้างแต่ก็ยังใจดีกับผมเสมอแม้ว่าผมจะเป็นยังไงก็ตาม นิชคุณคนที่จะไม่ลงมือทำร้ายผมอย่างเลือดเย็นทั้งคำพูดและการกระทำ ผมอยากให้มีแค่นิชคุณคนนี้”
“อูยองเกลียดนิชคุณคนใจร้ายคนนั้นไหมครับ”
“เกลียดสิครับ เกลียดมากเลยด้วย” เกลียดที่ต่อให้ใจร้ายแค่ไหน ในหัวใจของอูยองก็ยังฟ้องบอกว่าไม่มีวันจะเกลียดลงไปได้จริงอย่างที่ปากว่า
“อูยองคงไม่เกลียดมากเท่าที่พี่เกลียด พี่เกลียดตัวเองจริง ๆ นะครับอูยองที่เคยงี่เง่าและทำตัวเลวร้ายแบบนั้น พี่เข้าใจดีที่อูยองอยากให้เรื่องของเราเป็นแค่ฝันไป”
“ก็พี่คุณบอกเองไม่ใช่เหรอครับ ว่าให้คิดว่าเรื่องของเราตั้งแต่เช้าวันนั้นเป็นแค่ความฝัน” นั่นสินะ เขาเป็นคนบอกให้อูยองคิดแบบนั้นเองนี่นา
“ตอนนี้เราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพียงแค่สองคนบนผืนแผ่นดินญี่ปุ่นแล้วจริงๆ สินะครับ ก็สมาชิกวงที่เหลือมากันครบแล้วนี่นาสัญญาว่าแฟนของเราก็จบลงแล้ว จบลงก่อนเวลาจริงตั้งหลายวันแน่ะ” อูยองหันมามองหน้านิชคุณหลังจากพูดจบประโยคนั้น สมาชิกจากประเทศไทยคนเดียวของวงกำลังมองมาที่อูยอง จดจ้องมองกันด้วยแววตาที่ไม่ผิดแผกจากเมื่อคืนเลยสักนิดเดียว มีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างกันก็คือความเจ็บปวดที่แฝงริ้วอยู่ในแววตาคู่นั้น สะท้อนใบหน้าที่เสียดายและเจ็บแปลบไม่ต่างกันของอูยองเอาไว้ในแววตา
“ถ้าพี่จะบอกรักอูยองตอนนี้ อูยองจะทนรับฟังมันได้ไหมครับ”
“พี่คุณก็ลองบอกออกมาดูสิครับ” นิชคุณทำตามคำบอกนั้นทันที หากไม่ใช่เพียงบอก แต่มือหนาทั้งสองข้างก็วาดโอบกอดร่างเล็กในอ้อมแขนเอาไว้ชิดแผงอกด้วยเช่นกัน
“นิชคุณคนนี้ รักอูยองนะครับ” แล้วสิ้นเสียงนั้นก็เหลือเพียงเสียงของหัวใจนิชคุณที่เต้นระรัว และเพราะโอบกอดร่างเล็กไว้ในอ้อมอก ถึงทำให้ไม่อาจมองเห็นได้ว่าตอนนี้อูยองกำลังรู้สึกยังไง อาจเป็นเพราะกลัวก็ได้ว่าอูยองนั้นรู้สึกเช่นไรถึงได้เลือกที่จะกอดอูยองเอาไว้แบบนี้เสียดีกว่า
“พี่คุณรู้ไหมครับบางครั้งคำพูดมันก็เป็นได้แค่คำพูด ต่อให้บางครั้งเราพูดว่าไม่รัก ใช่ว่าเราจะไม่รักจริงตามที่ปากบอกนี่ครับ ต่อให้ปากเอ่ยปฏิเสธแต่ถ้าหัวใจมันรักยังไงก็ยังรักอยู่ดี” ประโยคน่ารักๆ ที่ได้ฟังนิชคุณดันร่างเล็กในอ้อมกอดออกมาใช้ดวงตาโตระยิบระยับราวกับล่อหลอกดวงดาวมาเก็บเอาไว้ทั้งฟากฟ้าจดจ้องมองดวงตาเรียวของอูยอง ไม่ใช่คาดคั้นแต่หวังจะสื่อถึงความน่าสงสารออกมาจนอูยองยอมรับใจกัน
“อูยองรักพี่คุณใช่ไหมครับ” เอ่ยถามคำถามที่เฝ้ารอคำตอบมานาน มันจึงช่วยไม่ได้เลยที่หัวใจของชายหนุ่มจะสั่นระรัวเมื่อรอฟังคำพูดจากปากอิ่ม อยากฟังคำคำนี้ คำที่เขาเหมาเอาเองว่าแววตาของอูยองเอ่ยบอกกับเขา เรารักกันใช่ไหม
“ถ้าไม่รักพี่คุณ คืนนั้นผมคงไม่จูบพี่คุณ และตอนนี้ผมคงไม่นั่งอยู่ตรงนี้” ใช้ดวงตาคู่เรียวมองตาโตกลับ ริมฝีปากอิ่มอมยิ้มหวาน
“ครับ ผมรักพี่คุณ” นิชคุณคว้าร่างบางมากอดไว้ในอ้อมแขน รัก ความรู้สึกที่เรามีเหมือนกัน ตรงกันเป็นแบบนั้นเช่นอย่างที่หัวใจของเรารู้สึก
ใครว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แล้วใครเล่าว่าคำพูดมีค่ากว่าการกระทำ
เขาพิสูจน์มันแล้ว ..ทั้งคำพูดและการกระทำ ทั้งสองอย่างมีค่ามากพอกัน มันขึ้นอยู่กับเวลาและสถานการณ์ที่ควรจะใช้ แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดของผลลัพธ์ที่เขาได้รับรู้มันก็คือ ทั้งคำพูดและการกระทำมันสำคัญมากเหลือ โดยเฉพาะคำพูดและการกระทำดีๆ กับคนที่เรารัก
คงไม่มีใครอยากฟังถ้อยคำร้ายกาจและการกระทำที่ไร้หัวใจจากคนที่เรารักอย่างแน่นอน
“ตอนนี้จุนโฮ ชานซองและก็พี่จุนซูกำลังรอเราอยู่หอ” นิชคุณเอ่ยบอก มือหนายังกอบกุมมือบางเอาไว้
“ถ้าอย่างนั้นคำสัญญาที่เราเคยให้กันไว้ก็เป็นโมฆะแล้วสิครับ ตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วตามสัญญานั่น” อูยองเอ่ยพูดต่อถึงเงื่อนไขที่เราต่างจดจำได้ดีว่าเราได้ตกลงกันเอาไว้
“แล้ว อูยอง …ถ้าพี่จะขอถามอะไรอูยองตอนนี้ อูยองจะ..” นิชคุณเงียบไปขณะหยุดคิดสิ่งที่อยู่ในใจ ถ้าเอ่ยถามคราวนี้ไปแล้วอูยองปฏิเสธรอบนี้เขาจะเล่นมุกไหนดี ต้องคิดเอาไว้รอเลย เพราะรอบนี้เขาจะไม่ยอมแพ้แน่ แถก็แถเถอะ รอบที่แล้วก็เอาสัญญามาอ้างแล้ว รอบนี้เอาอะไรมาแลกก็คงต้องยอม
“พี่คุณครับ” เอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่านิชคุณเงียบไปนานเหลือเกิน แต่น่าแปลกที่เจ้าตัวไม่หันมามองหน้า เอาแต่ก้มหน้าหลบซ่อนแก้มแดงเนียนอยู่อย่างนั้น
“ครับ อูยอง”
“เมื่อไหร่พี่จะขอผมเป็นแฟนจริงๆ สักทีล่ะ ผมรอตอบตกลงตั้งนานแล้วนะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างน่ารัก นิชคุณฉีกยิ้มกว้างมองหน้าอูยอง
“อูยองเป็นแฟนกับพี่นะ เป็นแฟนกันจริงๆ ไม่ต้องมีข้ออ้าง หรือสัญญาอะไร มีแค่เราสองคน เป็นแฟนกันนะอูยอง”
“ตกลงครับ เป็นแฟนกัน” ตอบรับด้วยแก้มที่แดงแปร๊ดจนถึงหู ทั้งคู่กำลังปล่อยให้ความเงียบเชื้อเชิญเสียงของสายลมและเสียงนกร้องยามเช้าที่สดใสเข้ามาให้บรรยากาศรอบข้างทั้งคู่มันสดใสและงดงามจนสดชื่นไปทั้งหัวใจ
“พี่คุณ/อูยอง” แล้วพอจะเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ ทั้งสองก็เลือกที่จะเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน อูยองหันหน้าหลบไปอีกทาง นิชคุณขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้นกระชับมือที่จับมือบางให้แน่นขึ้น
“อูยองมีอะไรจะบอกพี่เหรอครับ”
“ผมจะบอกพี่ว่า ขอบคุณที่รักผมนะครับ ผมก็รักพี่เหมือนกัน”
“แล้วเมื่อกี๊พี่คุณจะพูดอะไรเหรอครับ”
“พี่ก็จะบอกอย่างที่อูยองบอกพี่เหมือนกัน ขอบคุณที่รักพี่นะครับ พี่รักอูยองเหมือนกัน”
“ผมว่าเรากลับหอพักกันเถอะ พวกนั้นคงรอแล้ว”
“เฮ้อ พวกตัวป่วนมากันเพียบเลย พี่ว่าเราไม่ได้สวีทกันแน่ๆ”
“อะไรกันครับ คบกันปุ๊บก็คิดเรื่องเอาเปรียบผมเลย”
“ก็แฟนพี่น่ารักนี่นา น่ารังแก” ฟังแล้วก็ย่นจมูกใส่
“แล้วพี่คุณจะบอกพวกนั้นยังไง เรื่องของเรา” เอ่ยถามถึงสมาชิกวงที่เหลือที่รออยู่ที่หอพัก
“ไม่บอกพี่ขี้เกียจฟังคำแซวเดี๋ยวแฟนพี่จะเขินจนตัวแตกไปเสียก่อน”
“พี่คุณอ่ะ งั้นเราจะแอบคบกันเหรอครับ” เงียบไปพักนึงราวกับกำลังคำนวณอะไรสักอย่าง
 “อืมม จะได้สักกี่วันเนี่ย พวกนั้นน่ะฉลาดเป็นกรดเลยโดยเฉพาะเรื่องชาวบ้าน”
“อูยองว่ากี่วัน”
“ผมว่าสามวัน”
“มาพนันกันไหม”
“เอาจริงเหรอครับ”
“เอาจริงสิ ถ้าน้อยกว่าสามวันถือว่าพี่ชนะพี่ได้หอมแก้มอูยอง ถ้ามากกว่าสามวันพี่แพ้พี่ให้อูยองหอมแก้ม”
“ขี้โกงชัด ๆ เลยพี่คุณ” ว่าแล้วทำปากเบะหลิ่วตามอง ก่อนจะคลี่ยิ้มบาง
 “แล้วถ้าสามวันพอดีล่ะครับ ผมจะได้อะไร”
“ได้จูบพี่” ฟังแล้วอูยองก็ค้อนขวับด้วยแก้มแดงแปร๊ด
“ไม่เล่นด้วยหรอก ผมขาดทุนหมดเลย”
“ไม่ขาดทุนซะหน่อย อูยองน่ะได้กับได้เลยน๊า” เอ่ยล้อข้อเสนอ อูยองจิ๊ปากแล้วหยิกเบาๆ ไปบนเสื้อนอกของนิชคุณ
“ผมเสียเปรียบเห็น ๆ “
“บ้า อูยองน่ะได้เปรียบ ได้หอมพี่แล้วยังได้จูบพี่อีกต่างหาก”
“ง่ะ ผมไม่เล่นกับพี่คุณแล้วด้วย อย่างนี้ดีกว่าถ้าผมชนะพี่คุณต้องพาผมไปเลี้ยงขนมด้วย”
“เลี้ยงขนมเหรอได้เลยครับที่รัก พี่แถมให้หอมแก้มพี่ด้วย” ว่าแล้วก็แซมเปิ้ลกดจมูกลงบนแก้มเนียนหนึ่งที
“พี่คุณง่า” เรียกชื่ออย่างขัดเขินทุบลงบนหัวไหล่หนาไม่แรงนัก นิชคุณคว้ามือเล็กของอูยองมาไว้ในอุ้งมือกระชับจับจนแน่น แล้วก็ก็กุมมือเดินไปด้วยกันต่อ
“พี่คุณครับเดี๋ยวมีคนจำได้”
“เช้าขนาดนี้นี้ฮอทเทสยังไม่ตื่นหรอกครับ ฮอทเทสน่ะชอบตื่นตอนบ่ายสอง” ตบท้ายมุขตัวเองด้วยเสียงหัวเราะ
“ถ้ามีใครจำเราได้ล่ะก็พี่จะดูแลอูยองแล้วพาอูยองกลับไปหอพักอย่างปลอดภัยไร้ข่าว เชื่อใจพี่นะครับ” หันมาเอ่ยบอกคำมั่นด้วยดวงตาโต
“ครับ ผมเชื่อพี่” อูยองจ้องมองแล้วพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายเพราะทั้งหัวใจของอูยองนั้นเชื่อในตัวนิชคุณ เชื่อว่าคนคนนี้จะรักและดูแลเขา เชื่อว่าต่อให้ยังไงเราจะดูแลกันและกัน
“ถ้าพวกนั้นถามเราจะบอกว่าเราไปไหนดีครับ”
“บอกว่าเรามาสารภาพรักกัน” ใช้ตาโตจ้องมองกันอย่างเจ้าเล่ห์ อูยองกัดปากใส่อย่างน่ารัก
“พี่คุณอ่ะ จะแกล้งผมเหรอ” ถ้านิชคุณบอกอย่างนั้นเสียตั้งแต่วันนี้ เขาก็แพ้พนันหมดสิ
“ใครจะกล้าแกล้งแฟนพี่ครับ “
“พี่คุณน่ะแหละชอบแกล้งผม”
เสียงต่อล้อต่อเถียงที่ฟังดูน่ารักและชวนให้หัวใจพองโตยังคงดังอยู่ตลอดทางที่ทั้งสองกอบกุมฝ่ามือกันและกัน เดินทางไปด้วยกันทุกๆ ฝีก้าว จนถึงหอพักของพวกเขาทั้งคู่ ฝ่ามือของเราไม่ได้คลายออกจากกันสักนิด อุณหภูมิจากมือของเราทั้งสองคนมันมากพอจะสู้กับความหนาวเย็นของอากาศภายนอกได้ เหมือนกับหัวใจของเราที่อบอุ่นมากมายเหลือเกินที่มีให้กัน
ทั้งคำพูดและการกระทำที่แสดงออกถึงสิ่งที่กำลังเต้นระรัวอยู่ในหัวใจของเราทั้งคู่
ที่พวกเขาแน่ใจแล้วว่า มันคือสิ่งที่ตรงกัน ถ้านี่คือสิ่งที่เรียกว่าความรัก  พวกเขาก็คงกำลังรักกันดังเช่นที่รักกันมาตลอด เหลือเพียงแค่ถ่ายทอดมันออกมาให้อีกคนที่พวกเรารักได้รับรู้มันด้วยเช่นกันมันก็เพียงพอแล้ว
……………….
เขาไม่อาจบอกได้หรอกว่าความรักคือสิ่งที่วิเศษ สิ่งที่ทำให้มีความสุข หรือสิ่งที่ให้เจ็บปวดทุรนทุราย
ความรักเป็นเช่นนั้นอยู่ตลอดเวลา บางคราสุข บางคราทุกข์ และบางคราก็เป็นทุกข์ที่ปะปนกับความสุขจนแทบแยกไม่ออก
ความรักแท้จริงแล้วเป็นเช่นไรกันแน่ ?
เขาไม่อยากจะหาคำตอบของคำถามให้ปวดหัวอีกแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นยังไง  ต่อให้ใครจะคิดยังไงก็ตามบางทีมันก็ไม่สำคัญ
ถ้าเราเรียนรู้สิ่งนี้ไปด้วยกัน
นิชคุณ บัค หรเวชกุล ♥ จาง อูยอง
END
อ๊ากกก เป็นความรู้ดีจนบ้าคลั่งทุกครั้งจริงๆที่ได้พอมพิ์คำนี้ END นี่ถือว่าเป็ฯเรื่องยาวเรื่องแรกของโบว์เลยค่ะที่ โบว์แต่งจนจบแล้ว ฮอล เรื่องอื่นๆจะพยายามต่อไปจากนี้ให้จบด้วยเช่นกันค่ะ ฮิ้วววววว

เมนต์ในนี้ไม่สะดวกติกแท็กทวิตหาได้ #NeverletKW

ฟอลทวิตได้นะจ๊ะ @Bowwie0723